โรคเบาหวานถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดของโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดตีบอยู่แล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงต่อเนื่องจะก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบเรื้อรังในผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) เสื่อมเร็ว และเกิดการตีบแคบของทางเดินเลือด ทำให้หัวใจ สมอง ไต และดวงตาได้รับเลือดและออกซิเจนน้อยลง ภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานจะกระตุ้นการอักเสบ ทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อม แข็ง และตีบเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจวาย อัมพฤกษ์ อัมพาต และภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่น ๆ การรู้เท่าทัน คัดกรองเร็ว และควบคุมระดับน้ำตาลอย่างจริงจัง จึงเป็นกุญแจสำคัญของการยืดอายุและรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ติดตามความรู้จาก พ. อ. นพ.กิจจา จำปาศรี อายุรแพทย์โรคหัวใจ รพ.พระมงกุฎเกล้า
ปวดคอ บ่า ไหล่ ชาแขน ปวดหลัง อาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนของกลุ่มอาการปวดจากการใช้งานท่าทางซ้ำ ๆ หรือที่หลายคนเรียกว่า Office Syndrome ซึ่งเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ และอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่ขยับร่างกายอย่างเหมาะสม หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามจนกลายเป็นภาวะเรื้อรังที่กระทบคุณภาพชีวิตและการทำงานอย่างจริงจัง ซึ่งแนวทางป้องกันและลดความเสี่ยงของกลุ่มอาการนี้เริ่มต้นจากการปรับท่านั่งให้เหมาะสม โดยควรจัดวางหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตา นั่งเต็มก้น หลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย แขนวางทำมุมตั้งฉาก และใช้หมอนรองส่วนโค้งของหลังล่างเพื่อช่วยพยุงแนวกระดูกสันหลัง อีกหัวใจสำคัญคือการขยับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ควรลุกเปลี่ยนอิริยาบถทุก 20–30 นาที พร้อมยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ติดตามความรู้จาก พท.ป.อภิสมัย ดวงราษี แพทย์แผนไทยประยุกต์
โค้ชอัง อังคณา ปัญญาน้อย แนะนำ 3 ท่า คลายกล้ามเนื้อสะบัก สะโพก และต้นขา ด้วยบล็อกโยคะ โดยการใช้บล็อกโยคะอย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดอาการตึง เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ร่างกายผ่อนคลายและเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการ Office Syndrome นักกีฬา ผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการดูแลกล้ามเนื้อด้วยวิธีที่ปลอดภัย ทำเองได้ที่บ้าน
ติดตามชมในรายการคนสู้โรค วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.30 – 08.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือ รับชมสดออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
โรคเบาหวานถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดของโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดตีบอยู่แล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงต่อเนื่องจะก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบเรื้อรังในผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) เสื่อมเร็ว และเกิดการตีบแคบของทางเดินเลือด ทำให้หัวใจ สมอง ไต และดวงตาได้รับเลือดและออกซิเจนน้อยลง ภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานจะกระตุ้นการอักเสบ ทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อม แข็ง และตีบเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจวาย อัมพฤกษ์ อัมพาต และภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่น ๆ การรู้เท่าทัน คัดกรองเร็ว และควบคุมระดับน้ำตาลอย่างจริงจัง จึงเป็นกุญแจสำคัญของการยืดอายุและรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ติดตามความรู้จาก พ. อ. นพ.กิจจา จำปาศรี อายุรแพทย์โรคหัวใจ รพ.พระมงกุฎเกล้า
ปวดคอ บ่า ไหล่ ชาแขน ปวดหลัง อาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนของกลุ่มอาการปวดจากการใช้งานท่าทางซ้ำ ๆ หรือที่หลายคนเรียกว่า Office Syndrome ซึ่งเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ และอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่ขยับร่างกายอย่างเหมาะสม หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามจนกลายเป็นภาวะเรื้อรังที่กระทบคุณภาพชีวิตและการทำงานอย่างจริงจัง ซึ่งแนวทางป้องกันและลดความเสี่ยงของกลุ่มอาการนี้เริ่มต้นจากการปรับท่านั่งให้เหมาะสม โดยควรจัดวางหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตา นั่งเต็มก้น หลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย แขนวางทำมุมตั้งฉาก และใช้หมอนรองส่วนโค้งของหลังล่างเพื่อช่วยพยุงแนวกระดูกสันหลัง อีกหัวใจสำคัญคือการขยับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ควรลุกเปลี่ยนอิริยาบถทุก 20–30 นาที พร้อมยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ติดตามความรู้จาก พท.ป.อภิสมัย ดวงราษี แพทย์แผนไทยประยุกต์
โค้ชอัง อังคณา ปัญญาน้อย แนะนำ 3 ท่า คลายกล้ามเนื้อสะบัก สะโพก และต้นขา ด้วยบล็อกโยคะ โดยการใช้บล็อกโยคะอย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดอาการตึง เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ร่างกายผ่อนคลายและเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการ Office Syndrome นักกีฬา ผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการดูแลกล้ามเนื้อด้วยวิธีที่ปลอดภัย ทำเองได้ที่บ้าน
ติดตามชมในรายการคนสู้โรค วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.30 – 08.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือ รับชมสดออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live